พระมหาธรรมราชาที่ ๑(ลิไท)
พระราชประวัติ
พญาลิไท หรือ พระยาลิไท หรือพระศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรม-ราชาธิราช
หรือพระมหาธรรมราชา ๑ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระยาเลอไทและพระราชนัดดา(หลานปู่)
ของพ่อขุนรามคำแหง ครองราชย์พ.ศ. ๑๘๙๐ แต่ไม่ทราบปีสิ้นสุดรัชสมัยที่แน่นอน
สันนิษฐานว่าอยู่ระหว่างพ.ศ. ๑๙๑๑ - ๑๙๖๖
พระมหาธรรมราชาที่ ๑ ทรงเป็นแบบฉบับของกษัตริย์ในคติธรรมราชา
ทรงปกครองบ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ด้วยทศพิธราชธรรม ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองจนสุโขทัยกลายเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
และทรงปฏิบัติพระองค์ชักนำชนทั้งหลายให้พ้นทุกข์ หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงว่าพระองค์มีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎกเป็นอย่างดีได้แก่
วรรณกรรมเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง วรรณคดีชิ้นแรกของประเทศไทย
เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๘๘ ที่ทรงนิพนธ์ขึ้นตั้งแต่ก่อนเสวยราชย์หลังจากทรงเป็นรัชทายาทครองเมืองศรีสัชนาลัยอยู่
๘ ปี จึงเสด็จมาครองสุโขทัยเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๐
โดยต้องใช้กำลังทหารเข้ามายึดอำนาจเพราะที่สุโขทัยหลังสิ้นรัชกาลพ่อขุนงัวนำถมแล้วเกิดการกบฏการสืบราชบัลลังก์
ไม่เป็นไปตามครรลองครองธรรม
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ
เพราะสุโขทัยหลังรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแล้ว บ้านเมืองแตกแยกแคว้นหลายแคว้นในราชอาณาจักรแยกตัวออกห่าง
ไม่อยู่ในบังคับบัญชาสุโขทัยต่อไป
- พญาลิไททรงคิดจะรวบรวมสุโขทัยให้กลับคืนดังเดิม
แต่ก็ทรงทำไม่สำเร็จ นโยบายการปกครองที่ใช้ศาสนาเป็นหลักรวมความเป็นปึกแผ่นจึงเป็นนโยบายหลักในรัชสมัยนี้
- ทรงสร้างเจดีย์ที่นครชุม (เมืองกำแพงเพชร)
สร้างพระพุทธชินราชที่พิษณุโลก
- ทรงออกผนวช เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๕ การที่ทรงออกผนวช
นับว่าทำความมั่นคงให้พุทธศาสนามากขึ้น
หลังรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแล้ว
บ้านเมืองแตกแยก วงการสงฆ์เองก็แตกแยก
แต่ละสำนักแต่ละเมืองก็ปฏิบัติแตกต่างกันออกไป
เมื่อผู้นำทรงมีศรัทธาแรงกล้าถึงขั้นออกบวช
พสกนิกรทั้งหลายก็คล้อยตามหันมาเลื่อมใสตามแบบอย่างพระองค์
กิตติศัพท์ของพระพุทธศาสนาในสุโขทัยจึงเลื่องลือไปไกล พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปได้ออกไปเผยแพร่ธรรมในแคว้นต่างๆ
เช่น อโยธยา หลวงพระบาง เมืองน่าน พระเจ้ากือนา แห่งล้านนาไทย ได้นิมนต์พระสมณะเถระไปจากสุโขทัย เพื่อเผยแพร่ธรรมในเมืองเชียงใหม่ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ หรือพญาลิไท มีมเหสีชื่อพระนางศรีธรรมทรงมีโอรสสืบพระราชบัลลังก์ต่อมา คือพระมหาธรรมราชาที่สองปีสวรรคตของกษัตริย์ พระองค์นี้ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่คงอยู่ในระยะเวลาระหว่างปีพ.ศ.
๑๙๒๑-๑๙๒๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น